วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556

คู่มือ เอาตัวรอดจากสัตว์มีพิษที่มากับน้ำ






          นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า ในช่วงที่มีน้ำท่วมในหลายพื้นที่ พบสถิติการเข้ารักษาฉุกเฉินที่พบบ่อย คือ การถูกสัตว์มีพิษที่มากับน้ำกัด ทั้ง ปลิง ตะขาบ แมงป่อง และงู ซึ่งเฉพาะ งู มีทั้งงูเหลือม งูเขียว งูเห่า โดยงูมีพิษ

แบ่งได้เป็นเป็น 3 ชนิด คือ ชนิดเป็นพิษต่อระบบประสาท พบใน งูเห่า งูจงอาง ผลคือเกิดอัมพาต ลืมตาไม่ได้ และอาจหยุดหายใจจนเสียชีวิตได้ ,ชนิดที่ 2 คือเป็นพิษต่อเลือด ได้จากงูแมวเซา งูเขียวหางไหม้ ผู้รับพิษจะมีเลือดออกตามที่ต่างๆ อาเจียนเป็นเลือดไม่หยุด เพราะพิษจะส่งผลให้เลือดไม่แข็งตัว และชนิดเป็นพิษต่อกล้ามเนื้อ ได้จาก งูทะเล เป็นอัตรายต่อกล้ามเนื้อ

วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากถูกสัตว์มีพิษ โดยเฉพาะงูกัด ก่อนที่ทีมแพทย์ฉุกเฉินจะเข้าไปถึงพื้นที่ คือประชาชน ต้องตั้งสติก่อนเป็นอันดับแรก ดูให้แน่ว่าเป็นงูที่มีพิษหรือไม่ หากแน่ใจเป็นงูมีพิษผู้บาดเจ็บมีเวลาครึ่งชั่วโมงกว่าพิษจะเริ่มแสดงอาการ สิ่งแรกที่ต้องทำคือรีบล้างแผลให้สะอาดด้วยน้ำหรือแอลกอฮอล์ แต่ห้ามกรีดแผล ดูดแผล ใช้ไฟจี้ ดื่มสุรา หรือกินยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของแอสไพรินโดยเด็ดขาด เพราะจะเพิ่มการติดเชื้อที่แผลมากขึ้นจนเนื้อรอบบริเวณตาย หรือไปเสริมฤทธิกับพิษงูให้รุนแรงมากขึ้น

จากนั้นให้ผู้บาดเจ็บนอนนิ่งๆ จัดส่วนที่ถูกงูกัดให้อยู่ระดับต่ำกว่าหัวใจ ห้ามเคลื่อนไหวโดยไม่จำเป็น เพื่อชะลอการดูดซึมพิษงูเข้าสู่ท่อน้ำเหลืองและเส้นเลือดดำไหลเวียนเข้าหัวใจ หาไม้ดามบริเวณที่ถูกงูกัดแล้วใช้ผ้าพันให้แน่นพอประมาณเหนือแผลงูกัดประมาณ 5-15 เซนติเมตร รีบนำผู้ถูกงูกัดส่งสถานบริการสาธารณสุขที่ใกล้ที่สุดโดยเร็ว

หากระหว่างนำส่งผู้บาดเจ็บหยุดหายใจให้กดนวดหัวใจ จนกว่าจะถึงโรงพยาบาล หากผู้บาดเจ็บอยู่คนเดียว ควรโทรหาสายด่วน 1669 ตั้งแต่ถูกงูกัดแล้วปฐมพยาบาลตัวเองระหว่างรอเจ้าหน้าที่เข้าถึงพื้นที่

นักวิทย์เจอสัตว์น้ำเปลือกแข็งมีพิษชนิดแรก

นักวิทย์เจอสัตว์น้ำเปลือกแข็งมีพิษชนิดแรก

ครัสเตเชียนชนิดแรกที่มีพิษ

ปกติสัตว์น้ำเปลือกแข็งอย่าง กุ้ง กั้ง หรือปู เป็นสัตว์ที่ไม่มีพิษ แต่ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญได้พบสัตว์กลุ่มนี้ที่มีพิษเป็นชนิดแรก ซึ่งมีรูปร่างคล้ายตะขาบที่อาศัยอยู่ในถ้าใต้น้ำและตาบอด พิษในตัวมีไว้เพื่อล่าเหยื่อ และเป็นพิษแบบเดียวกับที่พบได้ในเขี้ยวงูพิษ
       
       บีบีซีนิวส์ระบุว่า การคนพบครั้งนี้รายงานในวารสารโมเลกูลาร์ไบโอโลจีแอนด์อีโวลูชั่น (Molecular Biology and Evolution) โดยสัตว์น้ำเปลือกแข็งหรือครัสเตเชียน (crustacean) ชนิดแรกที่มีพิษคือ เรมิพีด (remipede) หรือ สเปลีโอเนคเตส ทูลูเมนซิส (Speleonectes tulumensis) ซึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำใต้น้ำของทะเลแคริบเบียน หมู่เกาะคานารี และออสเตรเลียตะวันตก และกินครัสเตเชียนชนิดอื่นเป็นอาหาร
       
       พิษของครัสเตเชียนใต้น้ำชนิดนี้มีส่วนผสมของสารพิษอยู่หลายชนิด ทั้งเอนไซม์และสารที่ทำให้อ่อนแรง มันจะทำลายเนื้อเยื่อของร่างกายเหยื่อด้วยพิษของตัวเอง แล้วดูดกินเนื้อเหลวๆ ของเหยื่อที่มีกระดูกภายนอก (exoskeleton)
       
       ด้าน ดร.โรนัลด์ เจนเนอร์ (Dr.Ronald Jenner) นักสัตววิทยาจากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาในลอนดอน (Natural History Museum) อังกฤษ ผู้ร่วมเขียนรายงานการค้นพบครั้งนี้ กล่าวว่า ความเข้าใจอย่างลึกลึ้งถึงลักษณะจำเพาะจากการศึกษาครั้งนี้ ช่วยพัฒนาความเข้าใจของเราที่มีต่อวิวัฒนาการของสัตว์มีพิษ ซึ่งลักษณะการกินเหยื่อคล้ายแมงมุมนี้เป็นเทคนิคที่โดดเด่นจากสัตวืครัสเตเชียนอื่นๆ
       
       “การมีพิษนี้เป็นการปรับตัวที่ยอดเยี่ยมจริงๆ สำหรับสัตว์ถ้ำตาบอดที่อาศัยอยู่ในถ้ำใต้น้ำที่มีขาดแคลนอาหาร” ดร.เจนเนอร์ให้ความเห็น
       
       ทั้งนี้ ครัสเตเชียนเป็นสัตว์กลุ่มใหญ่ที่ถูกจัดเป็นชั้น (class) หนึ่งสัตว์ในไฟลัมอาร์โธรพอดส์ (arthropods) หรือสัตว์ขาปล้อง โดยสัตว์ในชั้นนี้ยังมีสัตว์ที่เราคุ้นเคยอย่างกุ้ง เคอย (krill) กุ้งมังกร (lobster) และปู แต่มีไม่กี่ชนิดที่อาศัยอยู่บนบก อย่างเช่นตัวกะปิ (woodlice) เป็นต้น
       
       ส่วน ดร.บียอร์น วอน รอยมอนท์ (Dr.Bjoern von Reumont) จากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเช่นกัน ให้ความเห็นว่า เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นการใช้พิษใยสัตว์ครัสเตเชียน และการศึกษานี้ได้เติมสัตว์กลุ่มใหญ่ชนิดใหม่ เข้าในบัญชีรายชื่อสัตว์มีพิษที่เรารู้จัก
       
       รอยมอนท์กล่าวว่า สัตว์มีพิษนั้นเป็นพบได้ทั่วไปในสัตว์กลุ่มใหญ่ของอาร์โธรพอดส์ 3 ใน 4 กลุ่ม อย่างเช่นแมลงต่างๆ แต่สำหรับสัตว์ในกลุ่มครัสเตเชียนดูจะเป็นข้อยกเว้น โดยจนถึงทุกวันนี้สัตว์ในชั้นครัสเตเชียนที่มีราวๆ 70,000 สปีชีส์ ตั้งแต่ ไรน้ำ เคอย ปู และตัวเพรียง ไม่มีตัวใดเลยที่เป็นสัตว์มีพิษ

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

13 อันดับสัตว์น้ำจืดที่น่ากลัวที่สุดในโลก

อันดับที่ 1 ปิรันย่า
       

           เป็นอย่างอื่นไปไม่ไดนอกจาก ปลาสุดโหดที่มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาใต้ อย่าง ปิรันย่า ความโหดของมันไม่เป็นรองใคร ผู้คนต่างพากันกลัวว่าจะตกเป็นเหยื่ออันโอชะของมัน

อันดับที่ 2 ปลาไหลไฟฟ้า



            เป็นปลาที่มีลักษณะคล้ายปลาดุกมากกว่าปลาไหลชนิดอื่น อาศัยอยู่ในลุ่มน้ำอะเมซอน และในลุ่มน้ำโอริโนโกในอเมริกาใต้ มันสามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 500 โวลต์ ซึ่งมากพอจะปลิดชีพคนได้เลย

อันดับที่ 3 แมงมุมกินนก (Goliath Bird-Eater Spider)



             มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของแมงมุมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีถิ่นกำเนิดในเขตมาไซ ในป่าฝนของแอฟริกาใต้ เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดกว้าง 30 ซม. และหนัก 170 กรัม มันไม่ได้กินนกตามที่ชื่อเรียกของมัน แต่แมงมุมกินนกนั้นกินแมลงและสัตว์มีกระดูกสันหลังเป็นอาหาร ความน่ากลัวของมันอยู่ที่ เมื่อโดนกัด จะรู้สึกเจ็บเหมือนโดนตัวต่อหรือแตนต่อย และใยของมันจะทำให้เกิดอาการระคายผิว
(เป็นสัตวชนิดเดียวใน 13 อันดับที่ไมได้อาศัยอยู่ในน้ำ)

อันดับที่ 4 ปลาเสือแอฟริกา
ปลาเสือแอฟริกา

           มันน่ากลัวด้วยขนาดที่ใหญ่และฟันแหลมคม อยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่และออกล่าเหยื่อโดยกินสัตว์ที่มีขนาดเท่าหรือใหญ่กว่ามัน แต่ยังไม่เคยมีมนุษย์คนใดตกเป็นเหยื่อของมัน
ปลาเสือแอฟริกาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมี 2 พันธุ์ คือ goliath tiger fish (Hydrocynus goliath) and the Hydrocynus vittatus ซึ่ง goliath tiger fish ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจะหนักราว 50 กก. หนักถึง 15 กก.

อันดับที่ 5 จระเข้แม่น้ำไนล์


           มีชื่อเสียงด้านความดุร้ายและอันตรายที่สุดชนิดหนึ่ง มันสามารถจู่โจมสัตว์ที่ขนาดเท่าตัวมันหรือเล็กกว่ามัน เช่น ฮิปโปโปเตมัสหรือแรด ที่น่ากลัวกว่านั้นในแต่ละปีมนุษย์ตกเป็นเหยื่อมันพวกมันเป็นจำนวนตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักแสนคนเลย แต่แม้ว่ามันจะดุร้ายเพียงใดจระเข้แม่น้ำไนล์เหล่านี้ก็ยังตกเป็นเหยื่อการล่าเพื่อเอาหนังมาทำสินค้าอยู่ดี


อันดับที่ 6 ปลาชะโด


          ถือเป็นผู้ล่าสุดโหดลำดับต้นๆ เหยื่อของมันมีทั้งสัตวไม่มีกระดูกสันหลัง กบและปลาเล็กๆ และมันยังรู้จักโจมตีสิ่งรอบกายที่กำลังเคลื่อนไหวแม้ว่ามันจะกำลังวางไข่ก็ตาม

อันดับที่ 7 เต่ามาตามาต้า (Chelus fimbriatus)


          เต่าที่มีรูปร่างประหลาดแต่ไม่เป็นอันตราย ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในน้ำที่มีใบไม้ทับถมกัน อาหารของมันคือลูกปลา มันจะดูดเหยื่อเข้าไปทั้งตัวก่อนจะพ่นน้ำออกมา

อันดับที่ 8 ปลาดุกยักษ์


           เป็นปลาที่กินซากสัตว์เป็นอาหาร พบมากในแม่น้ำทั่วโลก โดยเฉพาะในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์

อันดับที่ 9 แมงมุมที่อยู่ในน้ำ (The diving bell spider หรือ Argyroneta aquatica)


           อาศัยอยู่ในน้ำ แต่หายใจเหมือนสัตว์บก มันจะสร้างใยที่บรรจุอากาศไว้ พบในยุโรปเหนือและยุโรปกลางและทางเหนือของเอเชีย หากโดนแมงมุมชนิดนี้กัดจะทำให้เกิดความเจ็บปวดทรมานและตามด้วยอาการไข้

อันดับที่ 10 งูอนาคอนดา


          อนาคอนดาตัวใหญ่ที่สุดที่เคยพบมีขนาดยาว 19 ฟุต พวกมันกินปลา นก สัตวมีพิษและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กเป็นอาหาร แม้ว่าอนาคอนดาจะได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่เชื่องในบางครั้งแต่ก็เป็นอันตรายสำหรับคน อนาคอนดาเป็นงูไม่มีพิษ ล่าเหยื่อโดยการรัดให้ตาย

อันดับที่ 11 ปลากระเบนน้ำจืดยักษ์


           เป็นสัตว์ที่หาชมได้ยาก เพราะพวกมันชอบฝังตัวในตะกอนใต้น้ำ ความอันตรายของมันคือ มีพิษร้ายแรงอยู่ที่หนวดตรงหางซึ่งผู้รับพิษอาจถึงตายได้

อันดับที่ 12 (Vampire Fish)


            ปลาเหล่านี้มีวางขายตาท้องตลาดในเปรู แต่มันก็มีความน่ากลัวไม่น้อย เหยื่อของมันจะเป็นปลาที่เล็กกว่า โดยเฉพาะ ปิรันย่า มันล่าเหยื่อโดยการแทงเขี้ยวยาวและแหลมคม ซึ่งเขี้ยวของมันยาวได้ถึง 6 นิ้ว

อันดับที่ 13 คือ ปลาไม้จิ้มฟัน


            ปลาชนิดนี้ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์น้ำจืดที่น่ากลัวที่สุด พวกมันมีถิ่นกำเนิดในแถบลุ่มน้ำอะเมซอน นอกจากจะอาศัยอยู่ตามไรเหงือกของปลาแล้ว ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา มีรายงานว่า ปลาไม้จิ้มฟันเหล่านี้ อาศัยอยู่ในท่อปัสสาวะของคนด้วย ซึ่งยากที่จะรักษากระทั่งการผ่าตัดก็ช่วยไม่ได้ แม้ว่าจะใส่เสื้อผ้าอย่างรัดกุมและเลี่ยงการปัสสาวะลงน้ำก็ตาม